การบริหาราชการแผ่นดินไม่ว่าจะเป็นการรวมอำนาจหรือการกระจายอำนาจคือการวางกลไกต่าง
ๆ ที่จะบริหารงานของรัฐ แต่ภารกิจของรัฐมีมากมาย รัฐจึงจัดตั้งส่วนราชการ
เจ้าหน้าที่ในกระทรวง ทบวง กรม มีตำแหน่งต่าง ๆ
ลดหลั่นกันไปเพื่อให้รับผิดชอบในการปฏิบัติงานต่าง ๆทุกด้าน
กลไกที่ทำให้ราชการเคลื่อนต่อไปได้ก็คือการใช้หลักในการมอบอำนาจ
ผู้มอบอำนาจอยู่ในฐานะผู้บังคับบัญชาและมอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติราชการในสิ่งที่มอบหมายให้ไปปฏิบัติ
การปฏิบัติราชการแทน ปรากฏอยู่ในหมวด 5 มาตรา 38 ถึง มาตรา 40
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
กล่าวคือ
มีบทบัญญัติให้ผู้ดำรงตำแหน่งหรือเจ้าของอำนาจที่จะต้องปฏิบัติในสิ่งต่าง ๆ
หรือดำเนินการตามที่กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง มติครม.ต่างๆ
กำหนดให้เขาเป็นผู้ปฏิบัตินั้น อาจมอบอำนาจต่อลงไปได้
ไม่ว่าจะเป็นการมอบอำนาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ
การปฏิบัติราชการหรือการดำเนินการอื่นเป็นการมอบอำนาจที่จำกัดตามตัวบุคคล
โดยระบุตำแหน่งระดับไว้จากระดับสูงมาระดับล่างให้ปฏิบัติราชการแทน เช่น
อธิบดีมอบอำนาจให้รองอธิบดี ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการกอง เลขานุการกรม
ที่ปรึกษาวิศวกรใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญ ฯ
หรือข้าราชการผู้หนึ่งผู้ใดให้ปฏิบัติราชการแทน หรือกรณีผู้อำนวยการสำนัก
ผู้อำนวยการกองมอบอำนาจให้ข้าราชการในสังกัดปฏิบัติราชการแทน เป็นต้น
โดยให้ทำเป็นหนังสือมอบอำนาจไว้เป็นลายลักษณือักษรให้เป็นผู้ปฏิบัติราชการแทน
และการมอบอำนาจนี้จะมอบอำนาจให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นต่อไปไม่ได้
เว้นแต่กรณีมีกฎหมาย ระเบียบ ฯลฯ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่ามอบอำนาจต่อไปได้
การรักษาราชการแทน ปรากฏอยู่ในหมวด 6 มาตรา 41 ถึง มาตรา 50
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ทั้งนี้เพื่อให้มีผู้รักษาราชการแทนในการปฏิบัติราชการที่ต้องมีการต่อเนื่องไม่ขาดตอนและไม่เป็นอุปสรรค
เพราะไม่มีคนทำงานในกรณีใดกรณีหนึ่ง กล่าวคือ
กรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง(ตำแหน่งว่าง) หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้
ยกตัวอย่าง ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการกอง เลขานุการกรม
ให้อธิบดีแต่งตั้งข้าราชการในกรมคนหนึ่งซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าหัวหน้ากองหรือเทียบเท่า
เป็นผู้รักษาราชการแทน เช่น
การแต่งตั้งหัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไปให้รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนัก
ผู้อำนวยการกอง เลขานุการกรม เป็นต้น รักษาการในตำแหน่ง ปรากฏอยู่ในมาตรา 68
ประกอบมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535
และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยใจความสำคัญว่า ในกรณีที่ตำแหน่งข้าราชการว่างลง
หรือผู้ดำรงตำแหน่งไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ราชการได้
และเป็นกรณีที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (
ยกตัวอย่าง ตำแหน่งตั้งแต่ระดับ 10 ลงมา ที่มิใช่ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก
ผู้อำนวยการกอง เลขานุการกรม ) ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 52
มีอำนาจสั่งให้ข้าราชการที่เห็นสมควรรักษาการในตำแหน่งนั้นได้ เช่น
การแต่งตั้งข้าราชการผู้หนึ่งผู้ใดไปรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการส่วน
หัวหน้าโครงการ หัวหน้าฝ่าย เป็นต้น |